Kamalas

เรื่องเล่าพระป่า

เรียบเรียงโดย กัณหา ชาลี

ตอน มหานทีแห่งชีวิต

 

…หลังจากพ้นตำแหน่งเจ้าอาวาส ที่ได้รับปากชาวบ้านไปแล้วนั้น พระหนุ่มก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจที่จะมีโอกาสได้ออกธุดงค์อีกครั้ง ความรู้สึกได้เข้าป่าแม้ว่าจะอันตรายสักเพียงใด แต่มิได้ทำให้พระหนุ่มหวาดหวั่นแม้แต่น้อย กลับรู้สึกอิสระ ปลอดโปร่งเสียด้วยซ้ำ เพราะการออกธุดงค์ตามป่าเขาลำเนาไพร ทำให้ได้ปฏิบัติธุดงควัตร ปฎิบัติธรรมเต็มที่ แม้จะอดบ้าง อิ่มบ้าง เสี่ยงภัยอันตรายบ้าง แต่ก็เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะได้ศึกษาเรียนรู้ชีวิตของพระธุดงค์อย่างแท้จริง การคลุกคลีอยู่กับผู้คนในชุมชน ในเมือง แม้จะได้สงเคราะห์ญาติโยมช่วยเหลือชุมชน แต่ก็ทำให้เวลาในการปฎิบัติน้อยลง  นี่คือสาเหตุที่ทำให้พระหนุ่มหลงไหลการธุดงค์ในป่ายิ่งนัก และครั้งนี้เป็นช่วงที่สองของการบวชพระของท่าน โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๒-๒๕๓๗

ในการเดินธุดงค์แถบลุ่มแม่น้ำโขงนั้น  ธรรมชาติที่สมบูรณ์ ป่าไม้นานาพรรณบริเวณลุ่มน้ำโขง ทำให้อากาศหนาวเย็นและรู้สึกสัมผัสได้อย่างเต็มที่  สัตว์ป่ามากมาย ออกมาหากิน พึ่งพิงอาศัยร่วมกันบนแม่น้ำสายนี้

แม่น้ำโขงนี้เป็นแม่น้ำที่มีความสำคัญมาก ทั้งทางภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนมากมายหลากหลายชาติพันธุ์  เพราะแม่โขงเป็นแม่น้ำนานาชาติ ไหลผ่านหลายประเทศ  ตั้งแต่ประเทศจีน บริเวณมลฑลชิงไห่จากเทือกเขาหิมาลัย หรือที่ราบสูงทิเบตและไหลลงสู่แม่น้ำหลานชางเจียงหรือแม่น้ำล้านช้าง    เชื่อมต่อลงสู่แม่น้ำโขงและแยกกันไปตามลำน้ำสาขาต่าง ๆ แม่น้ำโขงมีความยาวถึง ๔,๙๐๐ กิโลเมตร ติดอันดับ ๑๐ ของแม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก และอยู่ในเขตประเทศจีนถึง ๒,๐๐๐ กิโลเมตร    ผู้คนแถบนี้จึงพากันขนานนามให้อีกชื่อหนึ่งว่า  สายสัมพันธ์มหานทีแห่งชีวิต  ทั้งพม่า เวียดนาม ลาว ไทย เขมร ต่างได้รับประโยชน์จากแม่น้ำโขงมากมายอเนกอนันต์   จนมีคำกล่าวจากคนไทย และคนลาวโบราณ ว่า “หยดน้ำจากเทืยกเขาอันหนาวเหน็บบนเขตที่ราบสูง ให้ชีวิตเราได้อยู่ได้กินประเสริฐแท้ ๆ”  เพราะทุกคนให้ความรักความกตัญญูต่อแม่น้ำสายนี้มาก หยดน้ำหยดแล้วหยดเล่า ละลายจากหิมะมาผสมกับสายน้ำจากฟากฟ้าและบนผืนแผ่นดิน  รวมกันจนกลายเป็นต้นกำเนิดสายนทีอันยิ่งใหญ่ของภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และนี่คือ แม่น้ำโขง อันเป็น สายเลือดแห่งชีวิต มีเรื่องเล่าเป็นนิทานปรัมปรา ในหมู่คนไทย ลาว ถึงการแยกลำน้ำเป็นสองสายว่า…

แหล่งน้ำที่ไหลลงมาจากหิมาลัย แต่มีเหตุที่ต้องแยกออกไปเพราะพญานาคสองตนที่ทะเลาะกัน ตกลงกันไม่ได้ จึงตัดสินใจแยกทางกัน ตนหนึ่งเลือกเดินทางใกล้แต่ผ่านหุบเขาผืนป่ารกทึบไร้ผู้คน เพื่อมุ่งหน้าลงสู่ทะเลกลายเป็นแม่น้ำสาละวิน ขณะที่อีกตนหนึ่งเลือกเดินทางไกลผ่านที่ราบดินแดนของผู้คนหลากหลายอารยธรรม สร้างประโยชน์มากมายมหาศาลให้แก่มวลมนุษย์ซึ่งไหลผ่านถึง ๖ ประเทศ ซึ่งก็คือ แม่น้ำโขง นั่นเอง

เมื่อกล่าวถึงการธุดงค์ท่องเที่ยว มีอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากผู้คนที่เป็นนักเดินทาง หรือ พระธุดงค์ ที่ต้องการเดินทางมาพิสูจน์ถึงความศักดิ์สิทธิ์ ลึกลับ นั่นก็คือ สามดินแดนอันยิ่งใหญ่ ซึ่งได้รับการยกย่องจากนานาชาติว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพ   ดังนั้นการธุดงค์ของพระภิกษุในแถบนี้จึงมีความมุ่งหมายว่าจะต้องธุดงค์ผ่าน  สามผ่าน นี้ที่เป็นบททดสอบความเป็นพระแท้ให้จงได้  ซึ่งเป็นที่ท้าทายเลื่องลือกันในสมัยนั้น  พระภิกษุหนุ่มเดินทางธุดงค์ไปที่ไหน ก็ได้ยินพระสนทนากันในเรื่องการธุดงค์ออกปฏิบัติธรรมในดินแดนสามแห่งนี้ ซึ่งก็คือ

๑. ป่าลุ่มแม่น้ำโขง  จาก เขมร ไทย ลาว พม่า และจีนบางส่วน ตลอดจนภูเขาควาย ประเทศลาว

๒. เทือกเขาภูพาน

๓. ป่าเขาใหญ่

พระแท้จะต้องถือธุดงควัตรในเทือกเขาเหล่านี้ให้ได้สมบูรณ์และต้องมีชีวิตรอดออกจากป่าให้ได้  เพราะสารพัดอันตราย จากสัตว์ป่า โรคภัยไข้เจ็บ โจรป่า และสิ่งลึกลับน่ากลัวมากมาย พร้อมที่จะคร่าชีวิตของผู้ย่างกรายเข้าไปได้ทุกเมื่อ  ทั้ง สามผ่าน จึงเป็นบทพิสูจน์ความเป็นพระแท้ ให้เป็นที่ยอมรับ ควรค่าแห่งการกราบไหว้บูชาตลอดมา พระภิกษุหนุ่มจึงมุ่งมั่นในใจเสมอว่าจะต้องไปธุดงค์ผ่านสถานที่ทั้งสามนี้ให้จงได้

ในการธุดงค์ครั้นนั้น ที่พระหนุ่มได้พบกับ หมู่ภูตแม่น้ำโขง ท่านได้แสดงธรรมเทศนาสั่งสอนพวกภูตที่น่าสงสารว่า การที่ได้ร่างกายอัตภาพแบบนี้ ต้องมาเกิดเป็นภูต ได้รับความทรมาน ก็เพราะกรรมที่พวกเขาได้กระทำไว้เมื่อชาติก่อน และก่อนตาย  จิตไปผูกติดกับกรรมเหล่านั้น พอดับจิตก็ได้เกิดมาในภพภูมิที่ต่ำ ต้องกินเลือดกินน้ำหนองของตนเอง เป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก เมื่อได้สดับรับฟังธรรมแล้ว ภูตเหล่านี้หลายตนก็กล่าวสาธุ แล้วหายตัวไป บางตนก็ร้องไห้โอดครวญ อย่างทรมาน และบางตนก็หมดหวังที่ได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี

ครั้นรัตติกาลนั้นผ่านไป รุ่งเช้าพระหนุ่มก็เก็บกลดและอัฐบริขาร ออกเดินทางต่อมุ่งไปข้างหน้า เดินขึ้นจากริมน้ำเข้าไปในเขตป่าเทือกเขา  เดินไปได้สักพักหนึ่ง ก็ไปพบกับถ้ำที่ชื่อว่า ถ้ำภูควายเงิน ซึ่งเกิดจากร่องน้ำที่ไหลลงมาจากยอดเขา พอให้เดินตามทางได้   เดินไปสักนิดก็มีช่องหินเป็นช่องถ้ำดูแล้วคล้ายกับมีคนขุดเป็นอุโมงค์ผ่านขึ้นไป  ลึกเข้าไปภายในใต้เขาทั้งลูกได้        ขณะที่พระหนุ่มกำลังเดินสำรวจอยู่ในนั้น ก็รู้สึกเหมือนมิได้อยู่ลำพังเพียงผู้เดียว แต่เหมือนมีสายตาจับจ้องมองพระหนุ่มอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ปรากฎว่ามีผู้ใดอยู่ที่นั่น  เมื่อเหลือบมองไปรอบ ๆ ภายในถ้ำ  พระหนุ่มก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นก้อนหินวางเป็นชั้น ๆ อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ประหนี่งว่าเพิ่งมีคนมาจัดเรียงวางไว้อย่างตั้งใจ  พระหนุ่มคะเนด้วยสายตาแล้ว น่าจะกว้างประมาณ ๒๐ เมตร และยาวประมาณเกือบ ๘๐ เมตร ใครกันนะมาจัดวางเรียงก้อนหินในถ้ำอันห่างไกลหมู่บ้านหรือผู้คนเช่นนี้ และที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นก็คือ ภายในถ้ำดูสะอาดเรียบร้อยผิดปกติ เหมือนมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่และใช้สอยพื้นที่นี้เป็นประจำ  ภายในถ้ำมีลำน้ำไหลอยู่ด้วย โดยไหลห่างจากผนังถ้ำประมาณห้าเมตร และห่างจากล่องน้ำหลักที่ไหลผ่านประมาณแปดเมตร แต่น้ำมีไม่มากนัก

พระภิกษุหนุ่มสำรวจดูทิศทางลมผ่านเข้าออก เมื่อมั่นใจดีแล้ว จึงปักกลดภายในถ้ำในคืนนั้น   เมื่อปักกลดเรียบร้อยแล้ว พระหนุ่มก็เดินจงกรม ซึ่งปฎิบัติเป็นปกติ สองถึงสามชั่วโมง แล้วจึงเข้าไปนั่งสมาธิต่อในกลด  ค่ำคืนนี้ภายในถ้ำอากาศดีมาก ไม่อึดอัด มีสายลมอ่อน ๆ พัดผ่านเข้ามาเป็นระยะ ๆ เย็นสบาย ทำให้มีอากาศหายใจดี คืนนี้น่าจะเป็นข้างขึ้น  เพราะแสงจันทร์สว่างสาดส่องลงมารอบ ๆ ถ้ำ  ทำให้ดูเหมือนถ้ำนี้มีรัศมีเหลืองนวลด้วยตัวของมันเอง  เมื่อสถานที่สัปปายะเช่นนี้ จิตของพระภิกษุหนุ่มจึงสงบนิ่ง และดิ่งลงสู่องค์ฌานได้อย่างรวดเร็ว  จนปรากฎเห็นนิมิตเกิดขึ้น (อารมณ์เป็น สมถะ) …

 

คาราวานพ่อค้าใช้เกวียนบรรทุกสินค้า มากันเป็นยี่สิบสามสิบเล่มเกวียน หยุดพักอยู่ในเขาลูกนี้ ในเกวียนนี้เต็มไปด้วยข้าวของเงินทองมากมาย  พวกเขาพักกันอยู่หลายวัน ภาพที่เห็นคาราวานนี้ดูคล้าย ๆ กับตลาดนัดขายของในปัจจุบัน  และทันใดนั้นเองก็มีชายอีกกลุ่มหนึ่ง วิ่งกรูเข้ามา เอามีดไล่ฆ่าทุบตีแล้วปล้นแย่งเอาทรัพย์ในกองเกวียนไป และฆ่าพวกพ่อค้าตายทั้งหมด เมื่อฆ่าทุกคนเสร็จแล้วก็นอนพักอยู่ตรงนั้น  พวกโจรต่างดีใจที่ปล้นสมบัติได้ ก็ชวนกันต้มเหล้ากินกัน  จนเมามายแล้วก็พากันหลับไป ด้วยความประมาทจากกองไฟที่ต้มเหล้า และข้าวของที่ระเกะระกะ หรือเวรกรรมมาให้ผล  จึงเกิดไฟลุกไหม้ และลามไปติดท่วมตัวของชายเหล่านั้นทุกคน  ต่างร้องขอความช่วยเหลือดังระงมท่ามกลางกองไฟ แต่ไม่มีใครช่วยใครได้เพราะต่างก็โดนไฟไหม้และ เมาไม่มีสติ  สุดท้ายทุกคนก็ต้องตายด้วยความทรมาน ช่างเป็นภาพที่หดหู่น่าสังเวชใจยิ่งนัก

พระภิกษุหนุ่มรู้สึกตัว แล้วจึงค่อย ๆ คลายออกจากสมาธิ ลืมตาขึ้นมา เห็นกบ เขียด งู อยู่ตรงหน้า ประมาณ ๒๐ – ๓๐ ตัว ต่างจ้องมองมาที่พระภิกษุอย่างไม่กระพริบตา แววตาของสัตว์เหล่านั้น ดูมีคำพูดมากมายที่อยากจะบอกพระหนุ่ม มันดูเศร้า วิงวอน ร้องขอและอึดอัด หลายอารมณ์ความรู้สึกปะปนกันอยู่ในดวงตาของสัตว์เหล่านั้น ท่านจึงแผ่เมตตาให้สัตว์เหล่านั้น ครั้นเมื่อแผ่เมตตาเสร็จแล้ว ก็น้อมจิตให้หมู่สัตว์ที่อยู่ตรงหน้าสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยเหล่านั้นก็ค่อย ๆ หายไปทีละตัวทีละตัวจนหมด และพระหนุ่มมั่นใจว่านี่คืออานุภาพแห่ง การบังสุกุล

พระภิกษุหนุ่มนั่งสมาธิต่อไปอีก ๓ ชั่วโมง เข้าสมาธิขั้นอัปปสมาธิ ทำให้จิตดิ่งลึกลงมากกว่าเดิมจนปรากฏเห็นนิมิตที่เรียกว่า ปฏิภาคนิมิต  นิมิตเหมือนเห็นของจริงตัวจริง ซึ่งนิมิตมีอยู่ด้วยกัน ๓ ลำดับคือ ๑. บริกรรมนิมิต  ๒. อุคหนิมิต  และ๓. ปฏิภาคนิมิต  เมื่อท่านเพ่งลงไปเต็มกำลัง ทั้งสามอย่างนี้ก็เกิดขึ้น ด้วยการเพ่งลงไปในอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะทำให้เกิดการเห็นภาพนิมิตถ้าต้องการ  ช่วงนั้นพระหนุ่มทำสมาธิมากแต่ก็ไม่ได้เพ่งไปที่ใดที่หนึ่ง  แต่กลับเน้นกำหนดอารมณ์ให้สงบอย่างละเอียด คือ มีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ครั้งนี้พระหนุ่มเห็นภาพนิมิตว่าตนเอง กำลังเดินรอบ ๆ บ้านหลังหนึ่ง  ซึ่งมีคนเข้าไปในบ้านหลังนี้เป็นจำนวนมาก สักพักพวกเข้าก็กลับออกมา ในมือมีทั้งอาวุธ และทรัพย์สมบติ ติดกลับมาด้วย บางคนถือถุงเงินเป็น  สองสามถุง บ้างก็ได้ทองคำ  ในขณะนั้น มีชายคนหนึ่งถือมีดอีโต้ใหญ่ประมาณไม้หน้าสี่กำลังไล่ฆ่าเจ้าของบ้าน และเมื่อฆ่าแล้วก็รื้อค้นเอาสมบัติไป แต่ก็เอาไปได้ไม่มากนักแค่ถุงผ้าใบเดียว  ขณะเดียวกันก็มีอีกสองคนวิ่งไล่ฆ่ากันออกมาจากบ้าน  ชายคนที่วิ่งหนีโดนฟันล้มลงตรงหน้าบ้าน เขาร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทรมานจากบาดแผล และสุดท้ายก็ขาดใจตายตรงนั้น หลังจากภาพการฆ่ากันอันโหดร้ายทารุณนี้จบลง  พระหนุ่มก็เห็ภาพชุดใหม่ เป็นการฆ่าฟันกันอีกโดยครั้งนี้เป็นคนที่ถูกฆ่า กลับมาเป็นผู้ฆ่าบ้าง แล้วภาพชุดต่อไปก็โดนฆ่าอีก วนเวียนกันไปมาไม่จบสิ้น  ซ้ำหน้าเดิมเดิมกันอยู่อย่างนั้น เวียนวนอยู่หลายภพหลายชาติ  พระหนุ่มตระหนักทันทีว่า ถ้ายังไม่มีการให้อภัย วงเวียนแห่งการล้างแค้น จองเวรจองกรรมกันเช่นนี้ก็นจะไม่มีวันจบสิ้น  พระภิกษุหนุ่มวางอุเบกขาจากภาพนิมิตที่เห็นแล้วก็นั่งภาวนาต่อไป…

 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป… เมื่อพระภิกษุหนุ่มออกจากสมาธิแล้วต้องเจอทั้งภูตผี งูยักษ์ที่สายตาเปี่ยมไปด้วยแรงอาฆาตอย่างน่าสะพรึงกลัว